วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

สุขภาพดี ไม่มีแป้ง ไม่มีน้ำตาล


          เป็นที่รู้กันว่าอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาล นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ของการให้พลังงาน แต่ถ้าใครบริโภคมากเกินความต้องการ  ก็กลับกลายเป็นของสะสมในร่างกายในรูปของไขมัน และในที่สุดก็ส่งผลต่อสุขภาพของเป็นที่มาของหลายๆ โรค โดยเฉพาะโรคอ้วน  และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความแก่เข้าเยี่ยมเยียนเราได้เร็วขึ้นด้วยนะคะ


          ดั้งนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหันมาใส่ใจกับการควบคุมอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาล  แต่การควบคุมอาหารที่ถูกต้องนั้น แนะนำว่า ต้องไม่เคร่งเครียดจนขาดความสุข แม้เราอาจจะเผลอไปกินอาหารต้องห้ามบ้างในบางครั้ง  ก็อย่ารู้สึกผิดหรืออารมณ์เสียจนเกินไป หลายคนถึงกับต้องออกกำลังกายอยากหนักเพื่อชดเชยแคลอรี่ทีเพิ่มเข้ามาเพราะความพลั้งเผลอ  สุดท้ายกลายเป็นความกดดัน และความทุกข์มาแทนที่    นานๆ เข้า่ร่างกายเราอาจจะเิริ่มรู้สึกไม่สนุกซะแล้ว เพราะตึงเกินไป สุดท้ายก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะควบคุมอาหารไปในที่สุด  เพราะความสุดขั้วหรือสุดโต่งจนเกินพอดี


        เช่นกัน การควบคุมแป้งและน้ำตาล ก็ไม่ต้องถึงกับสุดโต่งหรือเกินพอดี  เราควร "ตระหนัก"  แต่ต้องไม่ "ตระหนก" เกินไป เพราะโรคซึมเศร้าอาจจะถามหาเรา แถมมาอีกโรคก็ได้นะคะ


มีข้อแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงแป้ง และน้ำตาลมาฝากนะคะ
1.  ใช้แป้งและน้ำตาลชนิดมีกาก  ซึ่งก็ืคือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ค่ะ   บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้ว คาร์โบไฺฮเดรตเชิงซ้อนนี่มันคืออะไรล่ะ  ก็ขอยกตัวอย่างนะคะ เช่น เปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้อง  ข้าวมันปู  ข้าวแดง หรืออาจจะเป็นข้าวโอ๊ตก็ได้ค่ะ
2    แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย  เช่น ถ้ารับประทานอาหารอยู่สองมื้อ คือเช้ากับกลางวัน ก็ขอให้ลดปริมาณแต่ละมื้อลง แ้ล้วเอาไปเสริมเป็นมื้ออาหารว่างแทน เพื่อทำให้น้ำตาลไม่ต่ำมากจนเกินไประหว่างช่วงที่อหาารย่อยหมดแล้ว ทำให้ไม่เกิดอาหารโหยแป้งและน้ำตาลมาก
3   ลดการทานน้ำหวาน  โดยเปลี่ยนจากน้ำชา  กาแฟ  น้ำผลไม้  หรือน้ำหวานทั้งหลายให้เป็นน้ำเปล่า เพื่อฝึกร่างกายไม่ให้ติดหวานค่ะ
4   กินผักผลไม้ที่ปั่นทั้งกาก  อย่าทานสิ่งที่แยกเฉพาะน้ำมาทานอย่างเดียว  เพราะจะติดความหวานจากน้ำตาลผลไม้ได้เหมือนกันค่ะ     โดยเฉพาะเนื้อผลไม้ ก็เหมือนกับผัักที่มีกากใยอาหารช่วยกวาดลำไส้ของเราให้สะอาด ปลอดภัยจากโรคมะเร็งด้วยค่ะ
5   รับประทานอาหารที่มีธาตุโครเมียมสูง  เช่น บร็อคโคลี  ธัญพืช  ถั่ว  และเมล็ดพืชต่างๆ  เพราะโครเมียมจะคุมน้ำตาลไม่ให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ที่นำไปสู่โรคเบาหวานค่ะ
6  ทานอาหารที่มีกรดแอลฟาไลโพอิก   กรดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีช่วยป้องกันได้หลายโรค ทั้งโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และยับยั้งการกระตุ้นสารเสื่อมในร่างกาย  โดยอาหารที่มีกรดน้ำมากที่สุดคือเนื้อแดง  บร็อคโคลี  และผักโขม   หรืออาจจะใช้เป็นอาหารเสริมเทนได้  โดยแนะนำว่าควรรับประทานวันละ 200 - 400 มิลลิกรัมค่ะ
7  เลือกอาหารเสริมที่มีคุณภาพ  กรณีที่ชอบทานอาหารเสริม  ขอแนะนำให้เลือกชนิดที่มีแป้งน้อย และเป็นธรรมชาติ  เพราะหลายท่านอาจะไม่ทราบว่าวิตามินที่กินอยู่บางตัวอาจจะเต็มไปด้วยแป้ง มีวิตามินต้านอนุมูลอิสระอยู่นิดเดียว  วิธีแก้คือ ให้เลือกอาหารเสริมที่เป็นชนิดดี มีส่วนที่เป็นธรรมธาติอยู่ในมากหน่อยเท่านั้นเองค่ะ
8  ออกกำลังกาย     ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที  โดยให้ความถี่อยู่ที่ 3-5 ครั้ง ต่อสัปดาห์่ค่ะ
9  นอนให้พอนะคะ  โดยเข้านอนสี่ทุ่มและตื่นหกโมงเช้าทุกวัน  เพราะมีงานวิจัยว่าถ้านอนดึกโอกาสที่ไขมันสะสมในร่างกายจะสูงมาก  แม้ว่าระหว่างวันจะไม่ได้ทานอะไรเลย แต่ถ้านอนดึกแล้วเผลอกินแค่มื้อเดียวจะทำให้น้ำหนักตัวขึ้นมากกว่าคนที่กินทั้งวันแต่นอนเร็วอีกค่ะ   นี่เป็นอีกประโยชน์ของการนอน นอกจากจะมีความสุขแล้วยังช่วยไม่ให้น้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยนะคะ


     เคร็ดลับง่ายๆ นี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยคสำหรับคนรักสุขภาพไม่มากก็น้อยนะคะ  ที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้ร่างกายเราไม่ติดหวาน  ค่อยๆ ลดความต้องการความหวานในร่างกายลงทีละน้อยๆ ค่ะ
ขอเอาใจช่วยทุกคนให้สามารถเอาชนะแป้งและน้ำตาลที่มาั่ยั่วยวนใจเราได้นะคะ